การแปรงฟัน ควรให้ความสำคัญตั้งแต่วัยเด็ก แต่เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาแทบทุกบ้านเพราะเมื่อถึงเวลาฟันซี่แรกของลูกขึ้นแล้ว ลูกไม่ให้ความร่วมมือในการแปรงฟันเท่าที่ควร และลูกไม่ยอมแปรงฟัน เนื่องจากลูกอาจรู้สึกไม่คุ้นชินกับการที่มีอะไรเข้ามาในช่องปากซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยไม่ถึงขวบ มีคำแนะนำเคล็บไม่ลับในการรับมือกับปัญหาลูกไม่ยอมแปรงฟัน ว่าควรทำอย่างไรให้ลูกรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้แปรงฟัน

การแปรงฟัน สำคัญต่อลูกน้อยอย่างไร

การแปรงฟัน หรือการดูแลสุขภาพฟันให้ลูกน้อยควรเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ต้องรอให้ฟันขึ้นครบทั้งปากก่อนไหม หรือรอให้ฟันแท้ขึ้นก่อนหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้ว การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเด็กที่ดีที่สุด ต้องเริ่มทำตั้งแต่แรกเกิด หรือก่อนที่ฟันซี่แรกจะขึ้นซะอีก และพอฟันน้ำนมเริ่มขึ้นแล้ว ก็ยิ่งต้องดูแลมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะฟันน้ำนมที่แข็งแรงจะเป็นพื้นฐานของสุขภาพฟันที่ดีในอนาคตนั่นเอง

แต่แน่นอนว่าการดูแลฟันในเด็กเล็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเด็กๆ บางคนอาจไม่ให้ความร่วมมือกับพ่อแม่อสักเท่าไหร่ แต่ก็มีวิธีดูแลฟันให้ลูกน้อยแต่ละช่วงวัย เพื่อให้เด็กๆ มีฟันแข็งแรงสุขภาพดี และไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปากในอนาคต

วิธีการดูแลช่องปากเด็กแต่ละวัย

หลายคนอาจคิดว่าฟันน้ำนมเป็นฟันชั่วคราวที่เดี๋ยวเดียวก็หลุดออกแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก แต่ในความจริงแล้ว ฟันน้ำนมมีความสำคัญมากกับเด็กๆ เพราะฟันน้ำนมที่แข็งแรงจะช่วยให้พวกเขาบดเคี้ยวอาหารได้ดี ออกเสียงพูดได้ชัดเจน และยังช่วยให้ฟันแท้ขึ้นมาในตำแหน่งที่ถูกต้องด้วย ในทางกลับกัน หากเด็กมีฟันน้ำนมผุเยอะ ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาปวดฟัน เคี้ยวอาหารลำบาก ทำให้เด็กกินได้น้อย ขาดสารอาหาร พูดไม่ชัด และหากฟันน้ำนมหลุดเร็วก่อนกำหนด ฟันแท้ที่ขึ้นมาภายหลังก็มีโอกาสซ้อนเกหรือเกิดฟันล้มได้สูงมาก

  • วัยแรกเกิด

ในวัยแรกเกิดที่ฟันยังไม่ขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลช่องปากให้ลูกน้อยได้ ด้วยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เช็ดบริเวณสันเหงือกและลิ้น โดยไม่ควรปล่อยให้ลิ้นลูกเป็นฝ้าขาว เพราะจะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อจุลินทรีย์ได้

  • ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น – 3 ปี

ฟันน้ำนมซี่แรกจะเริ่มขึ้นตอนอายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งในวัยนี้คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกเลิกดื่มนมมื้อดึก และควรแปรงฟันให้ลูกเช้า-เย็น โดยเลือกแปรงสีฟันที่มีหน้าตัดขนแปรงอ่อนนุ่ม ใส่ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์แค่พอเปียกบนขนแปรง แล้วแปรงฟันให้ครบทุกซี่ จากนั้นจึงใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดฟองออก สำหรับท่าการแปรงฟันในเด็ก ควรให้เด็กนอนหงายบนตักของพ่อแม่ แล้วใช้โคมไฟช่วยส่องขณะแปรงฟันในปาก

  • วัย 3 – 6 ปี

ในการแปรงฟัน ให้เลือกแปรงสีฟันขนแปรงอ่อนนุ่ม ขนาด 4 x 7-8 แถว แล้วใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์บีบในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว หากเด็กสามารถจับแปรงเองได้แล้ว อาจให้เด็กแปรงฟันด้วยตัวเองก่อน จากนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงช่วยแปรงฟันซ้ำอีกรอบหนึ่ง หลังแปรงฟันเสร็จให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดฟองออก

  • วัย 6 ปีขึ้นไป

เด็กอายุ 6 – 12 ปี จะสามารถแปรงฟันด้วยตัวเองได้แล้ว โดยให้เลือกแปรงที่ขนาดพอดีกับช่องปาก กับยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ บีบให้เท่าความยาวหน้าตัดแปรง หลังแปรงฟันเสร็จให้บ้วนฟองออกและบ้วนน้ำตามน้อยๆ โดยผู้ปกครองควรตรวจซ้ำอีกครั้งว่าลูกๆ แปรงฟันได้สะอาดหรือไม่

สาเหตุและเคล็ดไม่ลับในการสอนลูกให้ยอมแปรงฟัน

สาเหตุที่ลูกไม่ยอมแปรงฟัน

  • ช่วงที่ฟันน้ำนมกำลังขึ้นเป็นช่วงที่เด็กจะรู้สึกปวดเหงือกเป็นพิเศษจึงไม่อยากให้มีอะไรมาโดนเหงือกและฟัน
  • คุณพ่อคุณแม่ล็อคลูกเพื่อบังคับให้แปรงฟัน ทำให้เด็กรู้สึกกลัวและไม่อยากแปรงฟันอีก
  • ลูกอารมณ์ไม่ดีในช่วงจะแปรงฟัน
  • ไม่ชอบลายของแปรงสีฟันหรือไม่ชอบรสชาติของยาสีฟัน

เคล็บไม่ลับในการสอนลูกแปรงฟัน

1. ลองให้ลูกเลือกแปรงสีฟันและยาสีฟันด้วยตัวเอง

  • การได้เล่นสิ่งของต่างๆ เป็นสิ่งที่เด็กในช่วงวัยนี้โปรดปรานมากที่สุด เพราะเกิดจากความต้องการของเขาเอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้เค้าได้เลือกแปรงสีฟันที่มีลวดลายการ์ตูนน่ารักๆ ทั้งนี้ควรเลือกแปรงที่มีขนอ่อนนุ่มและควรซื้อสำรองไว้ 2-3 ด้าม เพื่อให้เด็กรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเวลาเลือกแปรง
  • ส่วนยาสีฟันควรเลือกซื้อมาหลายๆ กลิ่น เน้นรสผลไม้เพื่อไม่ให้เด็กรู้สึกแปลกจากรสชาติอาหารที่เคยทาน โดยยาสีฟันสำหรับเด็กเล็กถูกออกแบบให้กินได้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่ยังไม่เข้าใจกระบวนการบ้วนปากได้เหมือนเด็กโตนั่นเอง

2. แปรงฟันพร้อมลูก

เด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่ชอบเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นเราควรแปรงฟันพร้อมลูกเพื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่ก็ทำกัน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากเป็นไปได้ควรแปรงฟันพร้อมลูกทุกครั้งเพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นชิน หากเป็นไปได้อาจเปลี่ยนสถานที่แปรงฟันจากห้องน้ำเป็นระเบียงหน้าบ้าน หรือสนามเด็กเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ให้เด็กด้วย

3. หาของเล่นให้ถือขณะแปรงฟัน

การให้ลูกถือของเล่นที่ชอบขณะแปรงฟันจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากการแปรงฟัน โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะจับของเล่นในมือลูกมาทำท่าแปรงฟันไปด้วย จะทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและสนุกทุกครั้งที่ได้แปรงฟันด้วยกัน

4. ร้องเพลงขณะกำลังแปรงฟัน

การร้องเพลงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างความรู้สึกสนุกให้เด็กได้ดี เพราะการแปรงฟันแต่ละครั้งอาจทำให้เด็กจดจ่อและรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ทำ คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมเพลงมาเปิดให้ลูกฟังหรือร้องเพลงที่ลูกชอบขณะแปรงฟัน ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการเล่นมากกว่าการแปรงฟัน

5. ให้รางวัลลูกน้อยทุกครั้งที่แปรงฟันเสร็จ

ไม่ว่าจะเป็นการพูดชม การตบมือ การกอดหรือหอมแก้ม ล้วนเป็นการสร้างกำลังใจให้เด็กรู้สึกภูมิใจที่ตัวเองทำได้

6. เล่านิทานหรือดูการ์ตูนเกี่ยวกับการแปรงฟัน

นอกจากแปรงฟันด้วยกันแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจเล่านิทานหรือให้ลูกดูการ์ตูนเกี่ยวกับการแปรงฟันเพื่อให้เด็กจินตนาการผ่านตัวการ์ตูนที่เขาชื่นชอบ เป็นการซึมซับวิธีการดูแลช่องปากทีละเล็กละน้อยจนเด็กรู้สึกสนุกและอยากทำตามโดยที่เราไม่ต้องบังคับเขาเลย ทั้งนี้ควรให้ลูกดูหรือฟังในช่วงที่เขาอารมณ์ดีเท่านั้น เพราะเด็กในวัยนี้ยังมีความเอาแต่ใจดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องใจเย็นกับเขาให้มากๆ

จาก 6 วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดใช้ได้ตั้งแต่ลูกมีฟันซี่แรก ซึ่งเป็นซี่ที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นซี่ที่เป็นฐานให้ฟันซี่อื่นเรียงตัวขึ้นมาสวยงามตามธรรมชาติ และที่สำคัญอย่าลืมพาลูกน้อยไปพบหมอฟันเด็กทันทีที่ฟันซี่แรกขึ้น จากนั้นจึงค่อยพาไปเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อเช็คสุขภาพฟันลูกน้อยหากเกิดปัญหาขึ้นมาจะได้รักษาทันท่วงที

การแปรงฟัน

วิธีแปรงฟันที่ถูกต้องลดปัญหาฟันผุ

  • แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน

เราควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน คือ ช่วงเช้า และก่อนเข้านอน เพราะระหว่างการนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่เชื้อโรค หรือแบคทีเรียในช่องปากมีการเจริญเติบโตมากที่สุด หากมีเศษอาหาร หรือคราบน้ำตาลติดอยู่ในช่องปากจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้ออย่างดี ทำให้มีกลิ่นปากในช่วงเช้า และเป็นสาเหตุของฟันผุ และหากเป็นไปได้ควรแปรงฟันหลังรับประทานอาหารกลางวัน เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นปากเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจได้ตลอดวัน

  • แปรงลิ้นและใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง

การแปรงฟันไม่ใช่เพียงแค่การทำความสะอาดฟันของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลิ้นที่เป็นหนึ่งในอวัยวะช่องปากที่สำคัญ หากไม่ทำความสะอาดลิ้นคราบอาหารจะเกาะตามต่อมรับรส เป็นอาหารของแบคทีเรียทำให้เกิดคราบขาวขึ้นที่ลิ้นเป็นแหล่งเพาะเชื้อเข้าสู่ร่างกาย เราจึงควรแปรงทำความสะอาดลิ้นทุกครั้งที่แปรงฟัน เพื่อจัดคราบขาวบนลิ้น ช่วยให้ลิ้นรับรสอาหารได้ดีขึ้น

ในขณะเดียวกันเราควรใช้ไหมขัดฟันร่วมเป็นตัวช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่อาจมีคราบหินปูนหรือเศษอาหารเกาะในจุดที่แปรงสีฟันไม่สามารถทำความสะอาดได้ จะช่วยเสริมให้การแปรงฟันมีประสิทธิภาพมากที่สุด

  • แปรงฟันอย่างน้อยจุดละ 2 – 3 นาที

เราควรใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อยจุดละ 2 – 3 นาที เช่นใช้เวลาในการแปรงฟันกรามล่าง 2 นาที ด้วยการแปรงถูไปมาจนมั่นใจว่าสะอาดแล้วจึงแปรงจุดอื่นในช่องปาก เพราะคราบอาหารนั้นอาจติดค้างอยู่ในช่องปากได้ เราจึงควรใส่ใจในการแปรงฟันแต่ละซี่ให้สะอาดอย่างแท้จริง

  • เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน

เราควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก  3 เดือน หรือทุกครั้งที่ขนแปรงสีฟันเริ่มบานออก เนื่องจากแปรงสีฟันนั้นมีอายุการใช้งานที่จำกัด ขนแปรงที่ดีควรมีความอ่อนนุ่มแต่ยังคงรูปที่ดีพอที่จะช่วยขัดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน และยังสามารถใช้ปัดทำความสะอาดเหงือกได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ

เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่าขนแปรงเริ่มบานออก แปรงแล้วรู้สึกเจ็บเหงือก บริเวณโคนขนแปรงมีคราบสกปรกเกาะเป็นจำนวนมาก ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันด้ามใหม่ในทันทีเพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดี

วิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง

  • วางขนแปรงเข้าหาฟันให้ปลายขนแปรงอยู่บนบริเวณขอบเหงือกหรือคอฟัน เอียงขนแปรงทำมุม 45 องศาโดยประมาณกับตัวฟัน
  • ปัดขนแปรงขึ้นลงกับแนวฟันบนและล่างทั้งด้านในและด้านนอกฟันให้ทั่ว จุดที่รู้สึกว่ามีเศษอาหารติดควรใช้เวลาในการแปรงจุดนั้นให้มากกว่าปกติ
  • ฟันกรามสำหรับบดเคี้ยวอาหาร ให้วางหน้าตัดขนแปรงไว้ด้านบดเคี้ยว ถูซ้ำไปมาให้ทั่วทั้งฟันบนและล่าง
  • การแปรงฟันในแต่ละตำแหน่งในช่องปากควรใช้เวลาประมาณ 2 – 3 นาทีหรือจนกว่าจะมั่นใจว่าสะอาดพอแล้วจึงเปลี่ยนไปแปรงฟันในตำแหน่งอื่น จากนั้นจึงใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกระหว่างฟัน เริ่มแรกอาจมีเลือดออกบางๆ แต่หลังจากใช้ไปได้สักระยะเลือดจะออกน้อยลง
  • แปรงลิ้นทุกครั้งหลังจากแปรงฟัน แล้วเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ในตุ่มรับรส แปรงจนกว่าคราบขาวจะจางลงหรือหมดไป แปรงสีฟันบางรุ่นด้านหลังแปรงอาจมีร่องนูน หรือปุ่มยางอ่อนขนาดเล็กสำหรับทำความสะอาดลิ้นให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น

รวมปัญหาลูกยี้แปรงฟัน

  • ลูกยังเล็กอยู่ ใช้ยาสีฟันได้หรือยัง

สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกที่ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้นนั้น การทำความสะอาดง่ายแสนง่าย เพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำแล้วเช็ดเหงือกและลิ้นเพื่อทำความสะอาดช่องปาก แต่เมื่อลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไป ช่วงนี้ฟันน้ำนมเริ่มขึ้นแล้วคุณแม่ควรใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็ก ที่มีความนุ่มและมีขนาดเล็ก ทำความสะอาดฟันซี่แรกของลูก สำหรับแม่ๆ ที่กังวลว่าลูกยังเล็ก ใช้ยาสีฟันได้หรือเปล่า จริงๆ แล้วสามารถใช้ได้เพียงแค่ใช้แต่น้อย แล้วอย่าลืมเลือกยาสีฟันสำหรับเด็กด้วย

  • ลูกชอบกลืนยาสีฟัน อันตรายไหม

ขึ้นอยู่กับยาสีฟันที่ใช้ หากเป็นยาสีฟันสำหรับผู้ใหญ่อาจอันตรายมากกว่า เพราะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์มากเกินไป อาจทำให้สีของฟันแท้ที่กำลังสร้างอยู่เปลี่ยนไปได้ เรียกกันว่า “ฟันตกกระ” และถึงแม้จะเลือกใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กแล้วก็ตาม ก็มีจุดที่ต้องระวังอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องปริมาณของยาสีฟันที่ใช้ควรใช้แต่น้อย

มีข้อแนะนำของการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ว่า สำหรับเด็กๆ แล้วใช้ยาสีฟันนิดเดียวก็พอ เพราะยิ่งใช้น้อยโอกาสที่ลูกกลืนก็จะน้อยตามไปด้วย พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็บีบสักเม็ดถั่วเขียว เพื่อไม่ให้มีฟองมากเกินไปขณะที่กำลังแปรง คุณพ่อคุณแม่อาจช่วยเช็ดฟองออกด้วย เพราะเด็กเล็กยังบ้วนฟองยาสีฟันที่มากเกินไปไม่ได้ แต่เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ไม่ควรใช้ยาสีฟัน เพราะวัยนี้ยังควบคุมการกลืนได้ไม่ดีนัก อาจเกิดปัญหาเรื่องของการกลืนยาสีฟันได้

  • ลูกไม่ยอมแปรงฟัน

การแปรงฟันสำหรับเด็กๆ แล้ว บางทีก็เปรียบเสมือนการออกรบเลย ทั้งร้อง ทั้งโยเย พยายามต่อรองเพื่อไม่ต้องแปรงฟัน คุณแม่อาจต้องอาศัยเทคนิคกันเล็กน้อย ลองเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามเด็กเล่นดูสิ ทำให้เรื่องการแปรงฟันเป็นเรื่องสนุกซะด้วยการสร้างบรรยากาศกันเล็กน้อย ต่างคนต่างถือแปรง แล้วแปรงไปพร้อมๆ กัน ยิ่งได้ทำหน้ากระจกด้วยแล้ว เพลิดเพลินไปกันใหญ่ อาจแข่งกันแปรงฟันกับลูก ก็เพิ่มสีสันการแปรงได้ดีอีกวิธีหนึ่ง หรือจะใช้นิทาน ใช้เพลงที่ชักชวนให้ลูกแปรงฟันก็ดีไม่น้อย ที่สำคัญอย่าลืมกล่าวชมทุกครั้งที่ลูกให้ความร่วมมือด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่คุณแม่ต้องใส่ใจคือ อุปกรณ์ในการแปรงอย่างแปรงสีฟัน เพราะเป็นตัวที่ช่วยดึงดูดให้ลูกหันมาสนใจการแปรงฟันด้ดี คุณแม่ควรให้ลูกเลือกแปรงด้วยตัวเอง แต่อาจต้องคอยดูด้วยว่า แบบที่ลูกเลือกนั้นขนอ่อนนุ่มหรือไม่ จับกระชับมือหรอเปล่า ถ้าลูกคุณเป็นเด็กขี้เบื่อ อาจมีแปรงสัก 2-3 ด้าม เพิ่มความหลากหลายและแก้เบื่อได้

  • ลูกแปรงฟันไม่สะอาดสักที

คุณแม่ควรฝึกวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องให้ลูกวิธีก็คือต้องแปรงให้ทั่วทุกด้าน โดยมี 3 ด้านหลักๆ ที่ต้องดูแล คือ ด้านใน ด้านนอก และด้านที่บดเคี้ยว โดยเฉพาะบริเวณที่มักจะถูกละเลย  อย่างฟันกรามด้านบนที่อยู่ข้างแก้ม และฟันกรามด้านที่อยู่ข้างลิ้น ส่วนขั้นตอนการทำความสะอาดฟันไม่ยากอย่างที่คิด

  1. แปรงฟันด้านนอกของฟันบน โดยเริ่มจากฟันกรามด้านหลัง แปรงวนมาตรงกลางและย้ายไปแปรงอีกด้านหนึ่งช้าๆ ให้ขนแปรงทำมุมเล็กน้อยกับขอบเหงือก แล้วแปรงวนเป็นวงกลมเล็กๆ
  2. จากนั้นแปรงด้านในของฟันบน ทำขั้นตอนเดียวกับการแปรงด้านนอก แต่ถือแปรงในลักษณะที่เป็นแนวตั้งและใช้ส่วนหัวแปรงแปรงวนเบาๆ อีกครั้ง
  3. สำหรับด้านบดเคี้ยว วางแปรงให้ราบกับหน้าตัดของฟัน เพื่อให้ขนแปรงสามารถแปรงเซาะร่องฟันตรงกรามได้ถนัดมากที่สุด
  4. การแปรงฟันล่าง สามารถทำได้ตามขั้นตอนที่ 1-3 ข้างต้น
  • แปรงฟันทีไรลูกบ่นว่าเจ็บทุกที

มีหลายสาเหตุที่ทำให้ลูกเจ็บขณะแปรงฟัน คุณแม่อาจต้องตรวจดูว่าขนาดแปรงที่ใช้เหมาะกับปากลูกหรือไม่ แปรงที่ใหญ่เกินไปทำให้ลูกเกิดรอยขีดข่วนในปากได้ ขนาดที่เหมาะกับอายุและขนาดปากของลูกน่าจะดีที่สุด จับง่าย เหมาะกับมือของลูก ส่วนขนแปรงควรเลือกแบบที่อ่อนนุ่ม หากขนแปรงแข็งเกินไป ก็อาจเกิดการเสียดสีกับกระพุ้งแก้มและกลายเป็นแผลได้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกเจ็บ และเกิดทัศนคติที่ไม่ดีกับการแปรงฟันและวิธีการแปรงที่ไม่ถูกต้อง นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกรู้สึกเจ็บขณะแปรงฟันได้เหมือนกัน

 

การแปรงฟัน เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของการแปรงฟันและเมื่อลูกสามารถทำได้ควรให้กำลังใจด้วยการชื่นชมลูก เด็กต้องการให้ผู้ใหญ่ชมเชยอยู่เสมอเมื่อทำเรื่องอะไรสำเร็จ หรือทำเรื่องที่ดี เป็นการเน้นย้ำให้เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อีกทั้งถือเป็นการให้ความเอาใจใส่ ลูกจะรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและภูมิใจในตัวเอง การให้รางวัลด้วยการกอดและหอมจึงเป็นสิ่งที่ควรมอบให้แก่ลูกอยู่เสมอ